ในแต่ละทัวร์นาเมนต์ หรือว่าแต่ละลีก บางครั้งมันก็มักจะมีสถานการณ์สร้างทีมที่เรียกว่า “ม้ามืด” ให้กำเนิดขึ้นมาได้เช่นกัน และมันก็มีหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียวที่ทีมม้ามืด ทำผลงานหักปากกาเซียนจนสามารถสร้างเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์รายการต่างๆได้อีกด้วย และในโลกนี้มันมีทีมไหนบ้างที่สามารถสร้างผลงานระดับนั้นได้ ทำให้โลกทั้งโลกจดจำไปอีกนานว่าพวกเขาได้แชมป์ มาดูกันเลยดีกว่า
นีเวลส์ โอลด์ บอยส์ (อาร์เจนไตน์ พรีเมียร์ลีก)
เราขอเริ่มต้นที่สโมสรจากลีกฟุตบอลประเทศอาร์เจนตินากันก่อน มันอาจจะไกลจากแฟนบอลทางยุโรป แต่มันน่าสนใจเพราะปกติลีกฟุตบอลประเทศนี้ ยักษ์ใหญ่ของลีกคือ โบคา จูเนียร์ กับ ริเวอร์เพลท ที่ผลัดกันได้คว้าแชมป์ลีกมาโดยตลอด แต่ว่าในปี 2013 ผลงานของนีเวลส์สุดยอดมาก เมื่อพวกเขาได้แชมป์ลีกมาครองชนิดหักปากกาเซียนเลยทีเดียว และผลงานครั้งนี้มันถึงขั้นทำให้ เคราร์โด้ มาร์ติโน กุนซือของทีม สามารถได้ดิบได้ดีและได้ไปคุมทีมบาร์เซโลนาในฤดูกาล 2013-14 แต่นั่นแหละ เอาชื่อมาทิ้ง !
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (พรีเมียร์ลีก)
ช่วงเวลาที่พรีเมียร์ลีก มีสโมสรที่เป็นตัวเต็งแชมป์อยู่แค่ไม่กี่ทีม โดยส่วนใหญ่จะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เช่นนั้นก็เป็นอาร์เซนอลในช่วงกลางยุค 90 แต่ทีมที่กลับขึ้นมาสั่นคลอนบัลลังก์ของพรีเมียร์ลีกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นราชันย์ของลีกอยู่นั่นก็คือ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส พวกเขาอาศัยพลังในการเล่นเกมบุกของ อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัสตัน สองศูนย์หน้าดาวดังของทีมที่สามารถผนึกกำลังกันยิงประตูได้เป็นว่าเล่น จนพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 1995 มาครองได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
เลสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก)
นี่คือตำนานทีมล่าสุดเลยทีเดียวที่สามารถก้าวขึ้นจากม้ามืด จนมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ สำหรับสโมสร “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ในยุคการทำทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี เทรนเนอร์มากฝีมือชาวอิตาเลียน เขาสามารถจูนทีมได้อย่างลงตัวตามฟอร์มจาก ผลบอลย้อนหลัง จะเป็นการอาศัยการทำเกมรุกของ ริยาด มาห์เรซ คอยป้อนบอลให้ เจมี วาร์ดี้ กระซวกประตู แถมยังมีโคตรกองกลางตัวรับอย่าง เอ็นโกโล กองเต้ คอยตัดเกมให้ มันถึงขั้นทำให้ เลสเตอร์ แซงหน้าเหล่าทีมยักษ์ใหญ่ในลีกที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งไข่ล้มในการสร้างทีม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 ไปครองได้สำเร็จ !
แอตเลติโก มาดริด (ลาลีกา)
ใครจะไปคิดกันล่ะว่า สองทีมที่แย่งกันเป็นแชมป์ลีกสเปนกันมาตลอดอย่าง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด จะมาเสียท่าให้กับม้ามืดที่ตอนแรกไม่ได้เป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์ลาลีกาเลยอย่าง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด โดยผลงานของแอตเลติโก มาดริด ในฤดูกาล 2013-14 พวกเขาฟอร์มแรงขึ้นเรื่อยๆ และสามารถตัดสินแชมป์ด้วยการตีเสมอบาร์เซโลนาในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลาลีกาไปครองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่งผลให้แชมป์เก่าอย่างบาร์ซ่า ได้แค่รองแชมป์ลีกเท่านั้น
อาแอส โรมา กับ ลาซิโอ (เซเรียอา)
ในกัลโช เซเรียอาช่วงยุค 90 จนถึงต้นยุค 2000 สโมสรที่ส่วนใหญ่จะได้แชมป์ลีกบ่อยที่สุดก็หนีไม่พ้น ยูเวนตุส ไม่เช่นนั้นก็เป็นเอซี มิลาน แต่ว่ามีอยู่ 2 ปีเลยทีเดียวที่สโมสรจากกรุงโรมนั่นคือ ลาซิโอ กับ โรมา สามารถคว้าแชมป์เซเรียอามาครองได้ โดยผลัดกันได้ไปคนละปีเลยทีเดียว โดยทางลาซิโอ ได้ไปก่อนในฤดูกาล 1999-00 ที่พวกเขามีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมเต็มทีม ส่วนโรมา พวกเขาก็มีพลังเกมรุกอันยอดเยี่ยมจาก ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ที่ปั้นเกมให้ กาเบรียล บาติสตูต้า และ วินเซนโซ มอนเตลลา ทำประตูจนได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2000-01
ทีมชาติเดนมาร์ก (ยูโร 1992)
ส้มหล่น และมีดวงเป็นแชมป์ ! นี่คือสิ่งที่สามารถนิยามทีมชาติเดนมาร์กชุดแชมป์ยูโร 1992 ได้เลยจริงๆ ตอนแรกนั้นพวกเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือก แต่สุดท้ายก็ได้ส้มหล่นไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ยูโร 1992 แทนทีมชาติยูโกสลาเวีย ที่โดนถอนสิทธิ์เพราะภาวะสงคราม และแน่นอนว่า ทีมชาติเดนมาร์ก มีเวลาเตรียมทีมแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แถมยังขาดจอมทัพอย่าง ไมเคิล เลาดรู๊ป ที่ทะเลาะกับเทรนเนอร์จนถอนตัวจากทีมชาติ แต่ขุมกำลังอย่าง ไบรอัน เลาดรู๊ป และ ปีเตอร์ ชไมเคิล ก็ทำผลงานหักปากกาเซียนจนพาทีมชาติเดนมาร์ก เชือดเยอรมันที่เพิ่งได้แชมป์โลก 1990 มาหมาดๆในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ทีมชาติกรีซ (ยูโร 2004)
ไม่มีใครคาดคิดว่าชาติที่ไม่มีความโดดเด่นเลยในเชิงลูกหนังอย่าง ทีมชาติกรีซ จะก้าวไปไกลถึงขั้นคว้าแชมป์ยูโร 2004 ได้สำเร็จ โดยพวกเขาอาศัยเกมรับอันแน่นสุดๆ (แทบจะเรียกว่าเป็นรถบัสจากกรีก) ยันทัพนักเตะเกมรุกจากทีมชั้นนำได้มากมายตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ แถมในนัดชิงชนะเลิศ พวกเขายังปราบทีมชาติโปรตุเกส ที่มีคริสเตียโน โรนัลโด้ สมัยเป็นดาวรุ่ง , หลุยส์ ฟิโก้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส , รุย คอสต้า จอมทัพเทคนิคสูงจากเอซี มิลาน และเดโก้ จนเล่นไม่ออก ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปครั้งประวัติศาสตร์ไปครองอย่างเหลือเชื่อ